น้ำพริกไข่ปู เมนูพื้นบ้าน เปรี้ยว เผ็ด มัน กลมกล่อม แหล่งของใยอาหาร

น้ำพริกไข่ปูเป็นเมนูพื้นบ้านของภาคตะวันออก เช่น จังหวัด จันทบุรี ตราด ระยอง ดูจากชื่อน้ำพริกก็คงจะทราบว่า วัตถุดิบหลักๆ ก็คือ ไข่ปูนั่นเอง วิธีทำนำไข่ปูมาผสมกับพวกเครื่องเทศต่างๆ คือ พริก กระเทียม และมะนาว วัตถุดิบต่างๆ เหล่านี้ทำเป็นน้ำพริกขึ้นมา ซึ่งตัวน้ำพริกไข่ปูเอง ข้อดีคือ กินเปล่าๆ ไม่ได้ จะต้องกินเคียงกับผัก ผักที่เขานิยมเคียงหลักๆ ก็จะเป็นผักพื้นบ้านทั้งหลาย

เช่น ต้นคูน ต้นคูนนี้ไม่ใช่ต้นคูนใหญ่ๆ ที่เรารู้จักในภาคกลาง ต้นคูนนี้ลักษณะคล้ายต้นบอน ใช้ตรงส่วนก้าน โดยเอาตัวก้านนั้นมากปอกเปลือก กินเคียงกับน้ำพริก ผักเคียงอื่นๆ จะมีมะเขือ กับภาคกลาง แล้วก็มีถั่วฝักยาว ถั่วพู ผักเหล่านี้เป็นแหล่งของใยอาหารที่เราจะได้รับจากการกินน้ำพริก นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเวลากินจะได้ประโยชน์เชิงพันธภาพต่อร่างกายด้วย สารต้านอนุมูลอิสระป้องกันโรคต่างๆ ได้ น้ำพริกไข่ปูคือ มีเส้นใยอาหารสูง แต่สิ่งที่ตามมาก็จะมีคอเลสเตอรอลที่สูงไปเล็กน้อย คือ ประมาณร้อยละ 20 แต่ก็ไม่สูงจนน่ากลัวเพียงแต่ให้ระวังว่าคอเลสเตอรอลนั้นมาจากไข่ปู ข้อดีอีกอย่างคือ โซเดียมต่ำ เนื่องจากเราก็กินน้ำพริกเป็นเครื่องจิ้ม จึงได้รับครั้งละไม่มาก เรากินผักมากกินข้าวมาก เพราะฉะนั้นก็จะทำให้ได้รับโซเดียม

ส่วนประกอบ ไข่ปู 500 กรัม ขิง 3 ชิ้น พริกขี้หนู 50 กรัม กระเทียม 30 กรัม มะนาว ½ ถ้วยตวง น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ ถั่วฝักยาว 10 เส้น มะระขี้นก 5 ลูก มะเขือเปาะ 3 ลูก มะเขือเปาะสีม่วง 3 ลูก ขมิ้น 2 ชิ้น แตงกวา 5 ลูก ถั่วพลู 100 กรัม ข้าวโพดอ่อน 100 กรัม

วิธีการปรุงน้ำพริกไข่ปู
เตรียมผักสำหรับทานเป็นเครื่องเคียงและจัดจานเสิร์ฟ
ข้าวโพดอ่อนตัดขั้วและหั่นครึ่ง ถั่วฝักยาวหั่นยาวประมาณ 2 นิ้ว มะระขี้นกผ่าครึ่งแล้วเอาเม็ดออก เตรียมสำหรับการต้ม
ถั่วพลูตัดส่วนหัวและปลายออก พร้อมกับหั่นครึ่ง มะเขือทั้งสองชนิดตัดขั้วออก ผ่าบั้งเป็นกากบาทที่ส่วนหัว ขมิ้นปลอกเปลือกแล้วฝานเฉียง แตงกวาปลอกเปลือกและหั่นเป็นแว่น ทั้งหมดเป็นผักทานสดได้
ปลอกกระเทียมและเด็ดพริกขี้หนูสำหรับการตำน้ำพริก
นำขิงมาปลอกเปลือกแล้วใส่ในตะแกรงสำหรับนึ่ง จากนั้นตัดไข่ปูใส่บนขิงที่เตรียมไว้ ทำการนึ่งประมาณ 10 นาที ขิงเป็นส่วนช่วยในการลดกลิ่นคาวและคงรสชาติความสดของไข่ปูไว้ นึ่งด้วยไฟอ่อนเท่านั้น
เริ่มเตรียมสำหรับการตำน้ำพริก ใส่พริกขี้หนูลงในครกแล้วตำให้ละเอียด หากชอบพริกมากสามารถเพิ่มปริมาณพริกได้ และหากยิ่งตำละเอียดมากเท่าไหร่ จะยิ่งเพริมความเผ็ดร้อนและหอมพริกขี้หนูขึ้นไปอีก ระหว่างการตำสามารถเติมเกลือประมาณ ½ ช้อนชาเพื่อไม่พริกกระเด็นได้
หลังจากพริกขี้หนูละเอียดตามต้องการแล้ว จึงใส่กระเทียมลงไปตำให้ละเอียดเข้ากันอีกครั้ง จากนั้นทำการปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊ป และน้ำมะนาว ตำต่อและคลุกเคล้าจนน้ำตาลปี๊ปละลายจนหมด ชิมรสให้ได้ตามต้องการ รสชาติต้องเข้มเข้น เพื่อที่เติมไข่ปูลงไปจะได้ไม่จืดเสียรส
น้ำพริกปรุงรสชาติเสร็จตามต้องการ จึงเริ่มตักไข่ปูในลงไป (บ่งไข่ปูสำหรับโรยหน้าแยกไว้ประมาณหนึ่งทัพพี) ใช่ทัพพีคนให้เข้ากัน ไม่ใช้การตำเพราะจะทำให้ไข่ปูละเอียดเกินไป
ตักขึ้นใส่ถ้วยรอเสิร์ฟ
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ด้วยไฟกลางใส่น้ำให้ท่วมผักที่จะต้ม เมื่อน้ำเดือดจัดใส่ข้าวโพดอ่อนลงไปต้อมก่อน เตรียมน้ำเย็นจัดใส่อ่างไว้ เมื่อข้าวโพดสุกตักใส่อ่างน้ำเย็นได้เลยเพื่อให้ผัดมีความสดและกรอบ
ตักข้าวโพดอ่อนขึ้นแล้ว ก็ใส่ถั่วผักยาวลงไปต้มต่อ เมื่อสุกตักใส่น้ำเย็นเช่นกัน
แล้วหลังจากนั้นจึงต้มมะระขี้นกตาม ทำตามวิธีเดียวกัน สาเหตุที่ต้มมะระขี้นกเป็นอย่างสุดท้ายเพื่อให้กลิ่นของมะระขี้นกติดไปกับผักชนิดอื่น
ต้มผักทั้งหมดเสร็จจัดใส่จานเสิร์ฟ ทั้งถั่งฝักยาว มระขี้นก ข้าวโพดอ่อน และผัดสดที่เตรียมไว้ มะเขือเปาะทั้งสองชนิด ขมิ้น แตงกวา ถัวพลู จัดเรียงให้สวยงามตามต้องการ
ในส่วนของน้ำพริกจะโรยหน้าด้วยไข่ปูที่แบ่งไว้ และตามด้วยพริกขี้หนูประมาณ 10 เม็ดเพื่อเป็นการตกแต่ง